ขณะนี้ เทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกจริง หรือที่ภาษาอังกฤษเราเรียกว่า
Augmented Reality ถือเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองมากตัวหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่ที่สามารถเอามาประยุกต์ใช้ในด้าน
E-Commerce ได้ ก่อนอื่นมาเข้าใจความหมายมันก่อนครับ ว่าเทคโนโลยีนี้คืออะไร
[youtube=640,360]http://www.youtube.com/watch?v=2TpwewRi4Ko[/youtube]
คำว่า
Augmented แปลว่า เพิ่มหรือเติม ส่วน
Reality แปลว่า ความจริง เมื่อนำเอาสองคำมารวมกันแล้ว ความหมายก็ค่อนข้างตรงตัวเลย นั่นก็คือ เทคโนโลยีการผสมผสานโลกเสมือน (Virtual World) เพิ่มเข้าไปในโลกจริง (Physical World) โดยทำให้เกิดการกลมกลืนกันมากที่สุดจนแยกไม่ออก เช่น เราอาจจะมีการถ่ายวิดีโอฉากใดฉากหนึ่งมา แล้วทำการสร้างรูปกราฟิกภาพ 3 มิติ ผสมลงไปในฉากวิดีโอที่เราถ่ายมา ให้ดูเสมือนกับว่าภาพ 3 มิตินี้ เป็นส่วนหนึ่งของภาพวิดีโอจริง ๆ เทคโนโลยีการผสมผสานลักษณะนี้ล่ะครับ ที่เราเรียกว่า โลกเสมือนผสานโลกจริง
ปัจจุบัน
Augmented Reality เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราหลากหลายรูปแบบมากขึ้น รวมถึงการเอามาใช้ในโลก
E-Commerce เช่น ในต่างประเทศ มีการนำ
Augmented Reality ไปประยุกต์ใช้ในร้านเสื้อผ้าออนไลน์ด้วยไอเดียของห้องลองเสื้อเสมือนจริง ทำให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบสี ทรง และความยาวของเสื้อผ้ากับตัวของตัวเองได้จากที่บ้าน เสมือนว่าได้ไปลองใส่เสื้อผ้านั้นที่ห้างสรรพสินค้าจริงๆ ซึ่งนี่ถือเป็นการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้กับโลก
E-Commerce ได้อย่างกลมกลืน
ผมนำรูปตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน
Augmented Reality ที่ใช้ในธุรกิจร้านเสื้อผ้าที่มีอยู่จริงของร้านเสื้อผ้าออนไลน์ Tobi.com (Fashionista Product) โดยร้านนี้ได้ผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ ออกมาโดยใช้โปรแกรม
E-Commerce Augmented Reality Software เพื่อให้ผู้สนใจซื้อเสื้อแฟชั่นต่างๆ สามารถทดลองสวมใส่ (เสมือนจริง) ได้จากที่บ้าน โดยเพียงแค่มีกล้องต่อกับคอมพิวเตอร์ (ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กปัจจุบัน โดยส่วนมากก็จะมีกล้อง Built-in มาอยู่แล้ว) ก็สามารถเลือกซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นได้อย่างรวดเร็วและถูกใจ
ขั้นตอนของผู้ที่ต้องการทดลองเสื้อผ้าเสมือนจริงก่อนที่จะซื้อนั้นก็ไม่ ยาก เพียงแค่พิมพ์สัญลักษณ์พิเศษที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ออกมาทางกระดาษ ถือกระดาษนั้นไว้หน้ากล้องแล้วจัดระยะห่างให้พอดี เมื่อได้ระยะพอดีแล้วก็เอากระดาษที่พิมพ์สัญลักษณ์นั้นออก เพียงเท่านี้ก็จะสามารถทดลองใส่เสื้อผ้าแฟชั่นได้แล้วโดยภาพผลลัพธ์จะแสดงผล อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ด้วยวิธีนี้เราสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นตัวอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาถอดเข้าถอดออก นอกจากนั้นยังสามารถถ่ายรูปตอนที่กำลังลองเสื้อส่งต่อให้เพื่อนดูได้ก่อนที่ จะตัดสินใจซื้อจริงด้วย
ตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นคือผลงานจากต่างประเทศ ในประเทศไทยเองเราก็ไม่น้อยหน้าครับ ผมขอยกตัวอย่างระบบ
E-Commerce Augmented Reality ที่ผมทำร่วมกับนักศึกษาปริญญาโทของผมเองขึ้นมาเป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ครับ นั่นก็คือ ระบบจำลองต่างหูเสมือนจริง โดยระบบนี้นำเอาเทคโนโลยี
Augmented Reality มาใช้ผ่านทาง
ARTag (Augmented Reality Tag) โดยระบบนี้สามารถนำมาใช้ในการทดลองต่างหูสำหรับธุรกิจอัญมณีและเครื่องประ ดับออนไลน์ โดยให้ผู้สนใจซื้อ สามารถทดลองต่างหูเสมือนจริงต่างๆ มากมาย เสมือนได้ไปลองที่ร้านจริงๆ และทันทีที่ลูกค้าตัดสินใจจะสั่งซื้อต่างหู ก็สามารถกดสั่งสินค้าได้ทันทีผ่านระบบออนไลน์
E-Commerce ที่เราพัฒนาขึ้น
ดังนั้น ผู้ใช้งานสามารถลองผลิตภัณฑ์ต่างหูเสมือนจริงได้ด้วยตัวเอง และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องถอดหรือใส่ให้เสียเวลา นอกจากนี้การที่ผู้ใช้งานสามารถลองใส่ต่างหูเสมือนจริงนี้ที่ไหนก็ได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านขายของ เป็นการช่วยลดต้นทุนของผู้ขายทั้งในด้านค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ขายของ และค่าจ้างพนักงานเฝ้าร้าน ไม่เพียงเท่านี้วิธีนี้ทำให้สินค้าและบริการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างใกล้ ชิดยิ่งขึ้น ในขณะที่การซื้อ-ขายสินค้าเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วกว่าเดิม ช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรให้แก่เจ้าของร้านได้
ขั้นตอนการทำระบบทางด้าน
Augmented Reality จริงๆ แล้วความยากของการพัฒนาจะอยู่ที่การระบุตำแหน่งของวัตถุที่เราต้องการให้ภาพ สินค้าของเราไปปรากฏอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าวัตถุนั้นเคลื่อนที่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากให้นำเสื้อผ้าแฟชั่นไปปรากฏทาบบนตัวนางแบบที่กำลังเดินอยู่ เราจะมีวิธีการอย่างไรให้คอมพิวเตอร์สามารถรู้ตำแหน่งของนางแบบที่เปลี่ยนไป มาอยู่ตลอดเวลาได้เองอย่างอัตโนมัติ ซึ่งวิธีการหาตำแหน่งพวกนี้ นักวิทยาศาสตร์จะเรียกว่า Registration Method ทำให้เกิดสาขาทางคอมพิวเตอร์ขึ้นมาสาขาหนึ่งที่เรียกว่า Computer Vision ผมคงไม่ลงรายละเอียดว่า Computer Vision คืออะไร เพราะจะเป็นการลงรายละเอียดที่ลึกเกินไป แต่สำหรับใครที่อยากจะลองเล่นกับ
Augmented Reality หรืออยากลองเอาไปประยุกต์ใช้ใน
E-Commerce ของตัวเอง ก็มี Tool หรืออุปกรณ์ฟรีที่สามารถดาวน์โหลดไปลองเล่นดูได้ที่ http://www.artag.net/ และwww.hitl.washington.edu/artoolkit/ โดยวิธีการพัฒนาเพื่อใช้งานก็ไม่ได้ยากจนเกินไปครับ
ผมเชื่อว่าเทรนด์ทางด้าน
Augmented Reality นั้นจะเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผมแนะนำว่าใครมีไอเดียดีไอเดียเด็ดใหม่ๆ ในการขายสินค้า
E-Commerce ก็อย่ารอช้าที่จะมาศึกษาเอา
Augmented Reality ไปเริ่มใช้กับธุรกิจของคุณเพื่อบุกเบิกตลาดใหม่ที่ทั้งประหยัดเงิน ประหยัดเวลา แถมยังเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างขึ้น อย่าลืมนะครับว่า โอกาสมีอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา เพียงแค่ว่าใครจะสามารถเข้าถึงโอกาสนั้นได้เร็วกว่ากันเท่านั้นเอง
อ้างอิงข้อมูลจาก:
new.ecommerce-magazine.com/issue/165/September_2012_Marketing_AR
กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้